ช่วงซัมเมอร์นี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงวางแผนออกเดินท่องเที่ยวเพื่อหาสถานที่พักผ่อน และสนุกไปกับกิจกรรมกลางแจ้งอย่างเต็มที่ แต่ก็อาจหมดสนุกได้ เพราะต้องคอยกังวลกับปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดด กระ ฝ้า ริ้วรอย รวมถึงผิวแก่ก่อนวัย (Photo aging) ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผมร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงามแพทย์หญิงสุธาสินี ตันสุริยวงษ์ แนะ “เคล็ดลับดูแลผิวช่วงหน้าร้อน พร้อมเทคนิคการทาครีมกันแดด” กับผลิตภัณฑ์ปกป้องสุขภาพผิว ได้แก่ ‘ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++’ (Oil-free facial sunscreen SPF30 PA+++) และ ‘เวรี่ วอเตอร์ รีซิสแทนต์ เฟเชี่ยล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 50 พีเอ +++’ (Very water resistant facial sunscreen SPF50 PA+++) โดยมีเซเลบริตี้สาวสวยร่วมเผยเคล็ดลับการเลือกผลิตภัณฑ์ปกป้องและดูแลสุขภาพผิวให้เหมาะสมตามแบบฉบับของตนเอง อาทิ พิมพยัพ ศรีกาญจนา, กานดา สายทุ้ม และ ณภศศิ สุรวรรณ
แพทย์หญิงสุธาสินี ตันสุริยวงษ์ แนะเคล็ดลับดูแลผิวช่วงหน้าร้อน พร้อมเทคนิคการทาครีมกันแดดสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามว่า “การได้รับแสงแดดในช่วงเวลาและปริมาณที่เหมาะสมจะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อการเสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง แต่หากผิวหนังไม่ได้รับแสงแดดเลย หรือโดนแดดน้อยเกินไป อาจทำให้เกิดอาการกระดูกเปราะบางลงและเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนได้ ดังนั้นแสงแดดจึงมีทั้งประโยชน์และโทษต่อร่างกาย
แสงแดดประกอบด้วยรังสีต่างๆ หลายชนิด ได้แก่ รังสีอินฟราเรด (Infrared light) แสงที่มองเห็นได้ (Visible light) และรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet light; UV) ซึ่งเป็นรังสีที่เป็นตัวการทำร้ายผิวของเรา สามารถแบ่งตามช่วงความยาวคลื่นได้ 4 ช่วง คือ
- UVA1 ความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 340 -400 นาโนเมตร (75% ของรังสียูวีในแสงแดด) และทำร้ายผิวได้ลึกที่สุด ทำให้เกิดผิวคล้ำในระยะ Immediate tan ผิวจะคล้ำทันทีตั้งแต่ถูกแสงแดดจนถึง 8 ชั่วโมงจึงจะเริ่มจาง
- UVA2 ความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 320 -340 นาโนเมตร (20% ของรังสียูวีในแสงแดด) ทำให้เกิดผิวคล้ำในระยะ Persistent tan ผิวจะคล้ำทันทีจนถึง 8-24 ชั่วโมงจึงจะเริ่มจาง และส่งผลต่อการเกิดริ้วรอยก่อนวัย
- UVB ความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 280-320 นาโนเมตร (5% ของรังสียูวีในแสงแดด) ทำให้เกิดผิวคล้ำในระยะ Delay tan โดยผิวจะคล้ำทันทีจนถึง 24-72 ชั่วโมงจึงจะเริ่มจาง ทำให้เกิดอาการผิวไหม้แดด เป็นสาเหตุหลักนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนัง
- UVC ความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 1-280 นาโนเมตร แสงในช่วงนี้โดยมากจะถูกดูดซับโดยก๊าซโอโซนในบรรยากาศ จึงไม่สามารถผ่านมายังพื้นผิวโลกได้
ยิ่งผิวสัมผัสกับแสงแดดนานเท่าไหร่ ย่อมส่งผลกระทบต่อผิวของเรา สามารถแบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้น ทำให้ผิวไหม้แดด เกิดอาการแดง แสบ ร้อนผิว เกิดอาการแพ้แสง (Photo allergic) ส่วนในระยะยาวจะทำให้ผิวแก่ก่อนวัย (Premature aging และ Photo aging) ผิวเกิดความเหี่ยวย่น เนื่องจากคอลลาเจนใต้ชั้นผิวถูกทำลาย รวมถึงการเกิดริ้วรอย กระ ฝ้า และอาจลุกลามเป็นโรคผิวหนังได้
ปัจจุบันได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวแสงแดดหลากหลายชนิดเพื่อให้เลือกใช้ได้ถูกต้องตามประเภทผิว หรือเลือกใช้ให้ตรงตามประเภทกิจกรรม ซึ่งผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- Physical Sunscreen สารกันแดดที่ทำหน้าที่เสมือนกระจกเงาสะท้อนหรือหักเหรังสียูวีออกไปจากผิว สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVA1, UVA2 และ UVB ได้ สารในกลุ่มนี้มีอยู่สองตัวคือ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide แต่อาจทำให้ผิวหน้าจะขาวเกินไป เกลี่ยยาก และไม่กันน้ำ จึงต้องทาซ้ำบ่อยๆ
- Chemical Sunscreen สารกันแดดที่ทำหน้าที่ดูดซับรังสียูวีไม่ให้ทะลุผ่านลงไปยังชั้นผิวหนัง สามารถปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ทุกตัว แต่ความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVA1, UVA2 แตกต่างกันไป
- Hybrid Sunscreen สารกันแดดแบบผสมที่มีคุณสมบัติทั้งสะท้อนและดูดซับรังสีในตัวเอง พัฒนามาเพื่อลดข้อด้อยของสารกันแดดทั้ง 2 แบบข้างต้น สามารถทาแล้วออกแดดได้ทันทีไม่ต้องรอ ปกป้องผิวจากรังสี UVA1,UVA2 และ UVB ได้ เนื้อเกลี่ยง่าย ไม่เหนียว ไม่ทำให้หน้าขาว
เราสามารถพิจารณาปัจจัยหลักในการปกป้องผิวจากรังสียูวีแต่ละประเภทได้จากค่า SPF (Sun Protection Factor) คือ ค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVB เป็นค่าระยะเวลาที่ผิวสามารถทนต่อแสงแดดได้โดยที่ผิวเราไม่ไหม้ (Sunburn) คำนวณจากระยะเวลาที่ผิวทนต่อแสงแดดได้คูณกับค่าของ SPF ตัวอย่างเช่น คนเอเชียผิวขาวทั่วๆ ไปสามารถโดนแสงแดด 20 นาทีก่อนที่ผิวจะเริ่มอักเสบแสบแดง การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF30 จะช่วยให้ผิวเราจะสามารถทนต่อแสงแดดได้นานขึ้นคิดเป็น 20 นาที x ค่า SPF30 = 600 นาที หรือ 10 ชั่วโมง
- ค่า SPF 15 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 93.3% เหมาะสำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมภายในอาคาร ตึก หรือบ้าน แต่ไม่มีการโดนแสงแดดเลย สำหรับผู้ที่มีผิวสองสี หรือผิวสีน้ำผึ้ง ค่า SPF ในระดับนี้ หากอยู่กลางแสงแดดนานเกินไปอาจก่อให้เกิดอาการผิวแดงเล็กน้อย
- ค่า SPF 30 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 96.7% เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเงาร่มและอากาศที่ไม่ร้อน
- ค่า SPF 50 สามารถป้องกันรังสี UVB ได้ 98% เหมาะสำหรับกิจกรรมที่อยู่กลางแจ้ง หรือสถานที่แสงแดดแรงจัด เช่น ทะเล ภูเขา
ส่วนอีกสิ่งหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญ คือ ค่า PA (Protection grade of UVA) บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UVA เป็นค่าที่สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศญี่ปุ่น (Japan Cosmetic Industry Association, JCIA) กำหนดขึ้นเพื่อแสดงถึงความสามารถในการป้องกันอาการดำคล้ำของผิวหนังที่เกิดจากการสัมผัสรังสี UVA โดยใช้เครื่องหมายบวก (+) ในการแสดงระดับของประสิทธิภาพ ปัจจุบันค่า PA++++ ถือว่าเป็นค่าที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้มากกว่า 16 เท่า
ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดทั่วไปๆ จะมีเพียงคุณสมบัติในการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างเดียว ทำให้ต้องใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดอื่น แต่ในปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดได้มีบทบาทสำคัญในการดูแลผิวพรรณของเรามากขึ้น โดยนำคุณสมบัติในการบำรุงผิวที่ได้จากสารสกัดธรรมชาติมาใช้ ตัวอย่างเช่น สารสกัดจากชิโซะ (Shiso extract) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin), สารสกัดอูกอน (Ougon extract) พืชทะเลทรายที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ รวมถึงช่วยปรับสีผิวที่หมองคล้ำให้กลับแลดูสว่างอย่างเป็นธรรมชาติ (De-colorizing action) หรือสารสกัดจากชาขาว (White tea extract) ที่มีสารโพลีฟีนอล ช่วยยับยั้งกระบวนการที่ผิวทำปฎิกิริยากับออกซิเจน (Anti-oxidant) ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เป็นต้น
เกณฑ์ในการเลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้ มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสียูวีได้กว้างครอบคลุมทั้ง UVA และ UVB หากต้องทำกิจเลือก SPF ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์อย่างวันไหนต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งมากๆ ก็ควรเลือกชนิดที่กันน้ำหรือกันเหงื่อได้ ควรทาในปริมาณที่พอเหมาะและเหมาะสม ประมาณ 2 ข้อนิ้วมือ หรือปริมาณเท่าเหรียญสิบบาท และควรทาซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หากเป็นครีมกันแดดชนิดที่ไม่กันน้ำ ควรทาซ้ำเมื่อเหงื่อออกมากหรือระหว่างทำกิจกรรม ควรทาให้ครอบคลุมพื้นที่บริเวณลำคอ ใบหู และบ่าด้วย”
‘ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++’ (Oil-free facial sunscreen SPF30 PA+++) ขนาด 40 มล.ราคา 1,000 บาท ด้วยสูตร Oil-free เนื้อครีมบางเบา (Emulsion Base) ซึมเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะและไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมช่วยให้ผิวสว่างขึ้น 30% (lightening and depigmenting) ผิวมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น 8%* และริ้วรอยลดเลือนลง 5%* ด้วยส่วนผสมที่ให้คุณค่าการบำรุงจากธรรมชาติที่มีอนุภาคขนาดเล็กที่คัดสรรมาพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดดโดยเฉพาะ อาทิ ‘นาโน ชิโซะ เอ็กซ์แทร็ค’ (Nano Shiso Extract) สารสกัดขนาดเล็กจากใบชิโซะ, ‘อูกอน เอ็กซ์แทร็ค’ (Ougon extract) และ ‘ไวท์ ที เอ็กซ์แทร็ค’ (White tea extract) สารสกัดจากชาขาว (*ทดสอบโดยสถาบันผิวหนัง Dermscan Asia กับผู้หญิง อายุ 45 – 60 ปี จำนวน 22 คนหลังใช้ผลิตภัณฑ์ต่อเนื่อง 42 วัน)
‘เวรี่ วอเตอร์ รีซิสแทนต์ เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 50 พีเอ +++’ (Very water resistant facial sunscreen SPF50 PA++++) ขนาด 40 มล. ราคา 1,200 บาท เสริมเกราะปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมรับมือกับปัญหาริ้วรอย และผิวคล้ำเสียจากแสงแดด ด้วยเนื้อครีมที่มอบสัมผัสแห้งสบาย ไม่มันวาว ไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีแม้ผิวเปียกน้ำ (Water Resistant) กันน้ำ กันเหงื่อ อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าการบำรุงด้วยส่วนผสมธรรมชาตินานาชนิด อาทิ สารสกัดอนุภาคขนาดเล็กจากใบชิโซะ (Nano shiso extract), น้ำมันสกัดจากเมล็ดแบล็คเคอร์แรนท์ (Blackcurrant seed oil) และสารสกัดจากบอลลูนไวน์ (Balloon vine extract) ลดอาการระคายเคือง และทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแด้นท์, น้ำมันสกัดจากเมล็ดชาออแกนิค (Organic camellia seed oil) ปรับสภาพผิวให้กระชับ เรียบเนียน, อุดมด้วยสารแอนตี้ออกซิแด้นท์ ปกป้องและลดอาการอักเสบของผิว, น้ำมันสกัดจากเมล็ดดอกทานตะวัน (Sunflower seed oil) และน้ำมันสกัดจากดอกคำฝอย (Safflower seed oil) เติมเต็มความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว, สารสกัดจากโรสแมรี่ (Rosemary extract) ลดเลือนริ้วรอย และจุดด่างดำ
ด้านเซเลบริตี้ต่างร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมเผยเคล็ดลับการเลือกผลิตภัณฑ์ปกป้องและดูแลสุขภาพผิวให้เหมาะสมตามแบบฉบับของตนเอง เริ่มที่สาวเวิร์กกิ้งวูแมน พิมพยัพ ศรีกาญจนา กล่าวว่า “ปกติแล้วพิมจะออกไปทำงานนอกบ้านเกือบทุกวัน ทั้งไปออฟฟิต ไปดูร้าน ไปร่วมงานสังคมตามที่ต่างๆ ต้องแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยงามอยู่เสมอ พิมไม่ลืมที่จะปกป้องผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดอยู่เสมอ เพราะถึงแม้ว่าจะอยู่แต่ภายในอาคาร แสงแดดและรังสียูวีก็ยังเล็ดลอดผ่านมาทำร้ายผิวของเราได้ ซึ่งพิมเองก็ไม่ได้กังวลอะไรเพราะมีตัวช่วยอย่าง ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++ ในการปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวี ด้วยเนื้อครีมที่บางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งคราบขาว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ที่สำคัญไม่อุดตันรูขุมขน จึงสามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน”
ถัดมาที่กูรูความงาม กานดา สายทุ้ม เผยว่า “ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแสงแดดและรังสียูวีก่อให้เกิดปัญหาผิวได้ง่าย หากเราไม่ทาครีมกันแดดเลยเราก็จะเจอทั้งปัญหาความเหี่ยวย่น ริ้วรอย กระ ฝ้า และจุดด่างดำ ส่วนตัวกานดาก็มีหลักการเลือกใช้ครีมกันแดดในแต่ละวัน โดยจะดูจากงานหรือกิจกรรม รวมถึงระยะเวลาที่ต้องออกไปทำ เพื่อจะได้เลือกครีมกันแดดได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจริงๆ แล้วครีมกันแดดเพียงชนิดเดียวอาจไม่ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ของเรา อย่างวันที่ต้องออกไปทำงานหรือกิจกรรมที่ต้องเจอแดดจัดๆ ก็จะเลือกใช้ เวรี่ วอเตอร์ รีซิสแทนต์ เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 50 พีเอ +++เพราะมีคุณสมบัติในการกันเหงื่อ กันน้ำได้ดี หากวันที่ไม่ค่อยออกไปนอกสถานที่ก็จะใช้ ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++ ก็เพียงพอแล้ว”
ปิดท้ายที่สาวกิจกรรม ณภศศิ สุรวรรณ เล่าว่า “ครีมกันแดดถือเป็นสิ่งสำคัญมากและขาดไม่ได้เลย เพราะในชีวิตประจำวันเราต้องเจอแสงแดดทุกวัน ยิ่งช่วงนี้มายด์ชอบไปออกรอบตีกอล์ฟบ่อยๆ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง บางวันก็ออกรอบตั้งแต่เช้าจนถึงกลางวัน หรือไม่ก็เริ่มตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น มายด์จึงเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติที่สามารถกันน้ำ กันเหงื่อได้ดีอย่าง เวรี่ วอเตอร์ รีซิสแทนต์ เฟเชี่ยล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 50 พีเอ +++ เพื่อปกป้องผิวหน้าจากอันตรายของรังสียูวี ส่วนผิวกายก็จะเตรียมอุปกรณ์อย่างปลอกแขน ปลอกขา หมวก แว่นกันแดด และกางร่มทุกครั้ง ส่วนวันไหนที่ไม่ได้ออกรอบตีกอล์ฟก็จะเลือกใช้ครีมกันแดดที่เนื้อบางเบาอย่าง ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++ ซึ่งไม่อุดตันรูขุมขน ให้ความรู้สึกบางเบา ไม่มัน มาย์ดจึงไม่ต้องคอยกังวลเรื่องความหมองคล้ำ กระ ฝ้า และจุดด่างดำ”
ดูแลและปกป้องผิวจากแสงแดด กับผลิตภัณฑ์ ‘ออยล์-ฟรี เฟเชียล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 30 พีเอ +++’ (Oil-free facial sunscreen SPF30 PA+++), ‘เวรี่ วอเตอร์ รีซิสแทนต์ เฟเชี่ยล ซันสกรีน เอสพีเอฟ 50 พีเอ +++’ (Very water resistant facial sunscreen SPF50 PA+++) ได้แล้ววันนี้ที่ ออนไลน์สโตร์ www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษรวิลเลจ, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น 1 และชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, ร้านวูว์ ถนนเจริญราษฎร์ และสาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, สาขาป่าตอง (หน้าโรงแรม La Flora ป่าตอง) จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จ.พระนครศรีอยุธยา