แจกแพลนเที่ยวสวิส 3 วัน 2 คืน ขับรถเที่ยวไหนได้บ้าง

สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่หลายคนฟันธงให้เรียบร้อยแล้วละว่าสวยในทุกย่างก้าวที่เราเดินไป จึงไม่น่าแปลกใจที่ประเทศนี้จะมีแลนด์มาร์คแจ่มๆ ให้เช็คอินกันได้แบบจุกๆ เลยจ้า แล้วถ้าอยากเที่ยวแบบชิลล์ๆ ในฟีลที่ต่างออกไป ขอชวนไปขับรถเที่ยวในสวิสดูบ้างนะ เราจัดทริปสั้นๆ สำหรับ 3 วัน 2 คืน โดยมีศูนย์กลางที่เมือง Bern มาเสิร์ฟกันให้แล้วจ้ะ ใครอยากขับรถเที่ยวสวิสชมวิวสวยแบบเป็นส่วนตัวลองเก็บแพลนนี้ลงลิสต์เอาไว้เลยน้า

 

กดเช็คมาตรการสนามบินเตรียมตัวให้ดี แล้วพร้อมเมื่อไหร่รีบจองตั๋วเครื่องบินสวิตเซอร์แลนด์กับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app แล้วไปขับรถเที่ยวกันดูจ้า บอกเลยว่าชิลล์สุดๆ เลยเชียว แถมยังจองแล้วแพลนทริปได้ง่ายกว่าที่เคยด้วยความเป็นซูปเปอร์แอพ มีครบทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ที่เที่ยว และรถรับส่งสนามบิน รวมถึงรถเช่าภายในแอพเดียว เมื่อจองทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ตามไปดูกันเลยว่าแพลนเที่ยวสวิสจะมีอะไรบ้าง

แพลนขับรถเที่ยวสวิส 3 วัน 2 คืน

Day 1 – From Bern to Lauterbrunnen Valley

ออกสตาร์ทวันแรกของ Road Trip คราวนี้ ด้วยการเริ่มต้นจากเมือง Bern มุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน Lauterbrunnen แสนสวยกัน แต่ระหว่างทางนั้นอยากชวนให้แวะเช็คอินที่เมือง Thun กันก่อน แม้เมืองนี้จะเป็นเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบซึ่งมีบรรยากาศสงบเรียบง่าย แต่ก็สวยได้ใจแถมยังมีโลเคชั่นเด็ดๆ ให้ถ่ายรูปเพียบเลยละ ไฮไลท์เด่นๆ ของที่นี่คือปราสาท Oberhofen ปราสาทยุคกลางแสนสวยริมทะเลสาบ และปราสาทเมือง Thun ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 12 โน่นเลยจ้า ใครมีเวลาเหลืออยากชวนเดินเล่นย่านใจกลางเมืองด้วยนะ น่ารักน่าเดินสุดๆ เชียวละ ลองแวะมาเด้อ

ขับรถสบายๆ ต่อมาอีกแค่ประมาณ 30 นาที ก็จะได้มาเช็คอินกันที่เมือง Interlaken อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวชื่อดังของสวิสซึ่งมีผู้คนแวะมาเยือนอย่างไม่ขาดสาย นอกจากความสวยของเมืองซึ่งมีทั้งวิวทะเลสาบขนาดใหญ่สองแห่ง แถมยังมองเห็นยอดเขาถึงสามยอดจากเมืองนี้แล้วนะ Interlaken ยังเป็นเมืองตั้งต้นของการขึ้นรถไฟไปยังยอดเขา Jungfrau ซึ่งเราจะได้เช็คอินที่สถานีรถไฟซึ่งสูงที่สุดในยุโรปกันด้วยน้า แต่คราวนี้เวลาไม่พอเราเลยขอชวนเที่ยวแค่ตัวเมืองก็พอจ้ะ ไว้คราวหน้าค่อยจองตั๋วเครื่องบินสวิตเซอร์แลนด์กับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาโดนอีกที!

เพียงแค่ประมาณ 12 กิโลเมตรจากเมืองอินเทอร์ลาเคน เราก็จะมาถึงจุดหมายปลายทางซึ่งตั้งใจปักหมุดเอาไว้ Lauterbrunnen นั้นเป็นหมู่บ้านเล็กๆ แต่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ของเทือกเขาที่สลับซับซ้อนแบบ 360 องศา แค่หมู่บ้านนี้แห่งเดียวก็ยังมีน้ำตกให้ชมกันกว่า 70 แห่งเลยด้วยนะ หนึ่งในนั้นคือน้ำตก Staubbach ซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในยุโรปอีกด้วยจ้า อยากให้เผื่อเวลาเอาไว้เยอะหน่อยน้า จะได้ฟินกับการเดินชมเมืองนี้กันได้แบบทั่วทุกซอกซอยเลยจ้ะ บอกเลยว่าเป็นเมืองที่น่ารักแบบเกินเบอร์จริงๆ

 

Day 2 – From Bern to Lucerne

ออกสตาร์ทวันที่ 2 ของทริปกันแต่เช้า เพราะเราอยากชวนขับรถไปเช็คอินกันที่ Mt. Rigi ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น ‘ราชินีแห่งเทือกเขา’ ของชาวสวิสกันเลยจ้า ขับรถเกือบๆ 2 ชั่วโมงก็จะมาถึงสถานีรถไฟสำหรับไต่ขึ้นเขากันแล้วน้า นี่คือรถไฟไต่เขาที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปจ้ะ ชมวิวชิลล์ๆ บนรถไฟกันประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็จะได้มาชมวิวอลังการบนยอดเขากันแล้วละ บนยอดเขา Rigi เราจะได้เห็นวิวเมือง Lucerne ในมุมสูงกันแบบ 360 องศา รับรองว่าสวยปังคุ้มค่าการตื่นแต่เช้าจ้ะ ไม่เชื่อมาดูด้วยตาตัวเองเลย

จากวิวสวยปังบนยอดเขา Rigi เราขับรถต่อมาที่ตัวเมือง Lucerne อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์เค้าละ นอกจากมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สวยแล้วนะ ตัวเมืองเก่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 แห่งนี้ยังมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจให้เดินชมกันได้แบบแน่นๆ เลยจ้า ใครเป็นสายอาร์ตเมืองนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์ปิกัสโซซึ่งเก็บรวบรวมผลงานช่วง 20 ปีหลังของศิลปินระดับโลกคนนี้ให้ชมกันด้วยน้า ถ้าชอบเดินเล่นชมเมืองสวยแบบสบายๆ ก็ลองจองตั๋วเครื่องบินสวิตเซอร์แลนด์กับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app มาได้เลยจ้า รับรองว่าชอบเมืองนี้แน่นอน

หนึ่งในแลนด์มาร์คที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงลูเซิร์นกันทั้งที ก็ต้องมี The Lion Monument หรืออนุสาวรีย์สิงโตที่ถูกแกะสลักอยู่บนหน้าผาหินซึ่งนับเป็นหนึ่งในโลโก้ของเมืองนี้ ว่ากันว่านี่คืออนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์เลยละ สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารสวิสซึ่งเสียชีวิตในเหตุการณ์ปฏิวัติฝรั่งเศสจากการปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์และกล้าหาญ สะท้อนผ่านผลงานแกะสลักลงบนผาหินทรายเป็นรูปสิงโตที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนกองโล่และหอก หลายคนบอกว่านี่อาจจะเป็นอนุสาวรีย์ที่ดูเศร้าและน่าสะเทือนใจที่สุดในโลกอีกด้วยนะ มาลูเซิร์นแล้วต้องแวะมาเด้อ

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่พลาดไม่ได้เมื่อจองตั๋วเครื่องบิน Traveloka Travel & Lifestyle Supper app ไปเยือนลูเซิร์น ก็คือ Chapel Bridge สะพานไม้แบบมีโครงหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกซึ่งสร้างขึ้นในช่วงราวศตวรรษที่ 14 ที่ปัจจุบันนี้ทำหน้าที่เชื่อมต่อเขตเมืองเก่าและเมืองใหม่เข้าไว้ด้วยกัน ตัวสะพานทอดผ่านแม่น้ำรอยซ์ และโดดเด่นด้วยหอคอยกลางน้ำที่เห็นมาแต่ไกล ด้านในตัวสะพานมีภาพจิตรกรรมตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ซึ่งเหลือรอดจากเหตุเพลิงไหม้ให้ชมกันด้วยน้า นี่คืออีกพิกัดที่ไม่มาไม่ได้เมื่อไปเยือนลูเซิร์น!

ขับรถจากตัวเมืองลูเซิร์นมาไม่ถึง 20 นาที ก็จะได้เช็คอินกับอีกพิกัดที่ถือเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของเมืองนี้อย่าง Mt. Pilatus แล้วจ้า ไฮไลท์แรกของการมาที่นี่ก็ต้องเป็นการได้มานั่งรถไฟขึ้นเขาซึ่งได้ชื่อว่ามีเส้นทางที่สูงชันที่สุดในโลกนั่นเองนะ ด้วยเส้นทางขึ้นที่ชันถึง 45 องศา ทำให้เราได้เพลินกับความสวยของวิวรอบๆ ในมุมมองที่แปลกตาออกไป รถไฟขบวนนี้เปิดให้บริการแค่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายนเท่านั้นน้า ขึ้นไปถึงด้านบนก็จะมีวิวมุมสูงที่น่าตื่นตาตื่นใจให้ชมกันได้แบบฟินๆ เลยละ เป็นอีกแลนด์มาร์คที่มาแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

 

Day 3 – Bern

วันสุดท้ายใน Road Trip คราวนี้ ขอชวนเที่ยวกันแบบชิลล์ๆ ที่กรุงเบิร์น เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์นี่ละ เริ่มจากการไปชม Käfigturm หรือ Prison Tower ซึ่งเป็นซุ้มประตูเมืองเก่าที่มีหอนาฬิกาอยู่ด้านบนที่สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1256 โดยในอดีตนั้นเคยถูกใช้เป็นสถานที่คุมขังนักโทษในยุคโบราณ แต่ในปัจจุบันนี้กลายเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการทางการเมืองไปแล้วจ้า ด้านในจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงที่มีการจัดแสดงเท่านั้นนะ รอบๆ ด้านมีร้านรวงให้ช้อปปิ้งกันด้วยละ แวะมาเดินชมกันได้เลย

อีกหนึ่งหอนาฬิกาซึ่งเป็นแลนด์มาร์คที่น่าสนใจของเมืองนี้ ก็คือ Zeitglockenturm หอนาฬิกาอายุกว่า 800 ปี ที่นับเป็นอีกแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเบิร์นเลยละ นอกจากความสวยแล้ว ไฮไลท์ของหอนาฬิกาแห่งนี้ก็คือการมีตุ๊กตาโผล่ออกมาเต้นรำให้ชมกันในทุกชั่วโมงเลยจ้า ใครจองตั๋วเครื่องบินสวิตเซอร์แลนด์กับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app แล้วมีแพลนแวะมาเมืองนี้ อย่าลืมปักหมุดที่นี่เอาไว้เลย

จากหอนาฬิกา เดินต่อมาแบบชิลล์ๆ ไม่ถึง 5 นาที ก็จะเจอกับ The Church of St.Peter and Paul โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ.1858 โดยใช้เวลาสร้างประมาณ 6 ปีเลยจ้า เป็นอีกพิกัดในตัวเมืองที่สวยและน่าจะถูกใจคนรักสถาปัตยกรรมเลยละ ใครชอบเดินชมความสวยของอาคารคลาสสิกสไตล์โบราณคงเพลินเชียว

กรุงเบิร์นนั้นมีหมีน้ำตาลเป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากผู้ปกครองเมืองในยุคก่อนนั้นตัดสินใจตั้งชื่อเมืองนี้ตามสัตว์ตัวแรกที่ล่าได้ ซึ่งก็คือหมีที่ในภาษาดัตช์เรียกว่า Bern นั่นเองจ้า ที่เมืองนี้จึงมีการสร้างบ่อหมีหรือ Bärengraben ซึ่งด้านในมีหมีสีน้ำตาลนั่งเล่นเดินเล่นให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน ในบริเวณนี้ยังนับเป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำที่เหมาะกับการมาเดินเล่นดูวิวสวยๆ อีกด้วยนะ นับเป็นอีกพิกัดสุดชิลล์ที่ควรมาเช็คอินในเมืองนี้เลย

นับว่าที่ Rosengarten นั้นเป็นอีกหนึ่งพิกัดโรแมนติกของกรุงเบิร์นที่ไม่ควรพลาด เพราะเป็นสวนกุหลาบซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้ๆ กับบ่อหมีเลยจ้า จากพื้นที่ซึ่งเคยเป็นสุสาน ปัจจุบันที่นี่กลายเป็นสวนสวยซึ่งรวบรวมกุหลาบเอาไว้มากกว่า 220 สายพันธุ์ ที่สำคัญคือเป็นจุดซึ่งสามารถมองเห็นวิวแจ่มๆ ของเมืองในมุมสูงได้เป็นอย่างดีเลยด้วยนะ เป็นพิกัดที่เหมาะจะมาเดินเล่นกับคนรู้ใจสุดๆ เลยละ เชื่อว่าคนรักดอกไม้ต้องประทับใจแน่นอน

ส่งท้ายทริปกันที่มหาวิหาร Münster St. Vinzenz หรือ Berner Münster ซึ่งเป็นมหาวิหารสไตล์กอธิกอายุหลายร้อยปีที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1421 โน่นเลยจ้า นอกจากหน้าต่างกระจกสีและงานสถาปัตยกรรมที่สวยงามแล้วนะ ที่นี่ยังมีหอระฆังซึ่งสูงที่สุดของประเทศด้วยละ ด้วยความสูง 101 เมตร ซึ่งต้องขึ้นบันไดถึง 312 ขั้น บนยอดหอคอยของมหาวิหารแห่งนี้นั้นจึงเป็นจุดชมวิวมุมสูงที่เริ่ดมากจ้า มองเห็นตัวเมืองเบิร์นไปจนถึงยอดเขา Jungfrau ได้เลยน้าถ้าอากาศเป็นใจ เป็นอีกพิกัดที่ไม่อยากให้พลาดการไปเยือนเลยเชียว

 

และนี่คือหนึ่งในแพลนขับรถเที่ยวสวิสแบบชิลล์ๆ ในเวลา 3 วัน 2 คืนที่เราหยิบมาฝากกัน แม้ที่นี่จะเป็นประเทศที่เดินทางเที่ยวได้ง่ายและสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ แต่ถ้าใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาขับรถกินลมชมวิวแบบเป็นส่วนตัวก็บอกเลยว่าจะได้ชิลล์กันในอีกรูปแบบจ้า ประเทศนี้ยังมีเส้นทางขับรถและพิกัดน่าเที่ยวอีกเพียบเลยนะ ถ้าสนใจลองจองตั๋วเครื่องบินสวิตเซอร์แลนด์กับ Traveloka Travel & Lifestyle Supper app แล้วมาฟินกับวิวสวยๆ ด้วยตัวเองกันเลยจ้ะ บอกเลยว่านี่คือประเทศที่สวยทุกตารางเมตรจริงๆ ไปอ่านบทความต่างประเทศอื่นเพิ่มเติมได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/flight/travel-global

admin

Back to top
error: Content is protected !!