Work-Life Balance ในสไตล์ของคุณอิทธิพล ปฏิมาวิรุจน์
นักธุรกิจยุค New-Normal ที่ใช้พลังบวกเป็นแรงผลักดันในการทำงาน
ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ที่เกิดขึ้น มุมมองเจ้าของธุรกิจหลายรายอาจกำลังเรียกสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบันว่า เป็นอุปสรรคข้อใหญ่อีกหนึ่งข้อที่จะต้องวางแผนรับมือต่อสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลง เพื่อความอยู่รอดดูแลกิจการให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ แต่การรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงด้วยการวางแผนเพียงอย่างเดียว อาจไม่ใช่คำตอบของทุกอย่าง ความเชื่อใน “พลังบวก” จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่นักธุรกิจ โอ๋ – อิทธิพล ปฏิมาวิรุจน์” นำมาใช้เป็นแรงผลักดันบริหารงานเชื่อมใจบุคลากรพัฒนาต่อยอดกิจการให้เดินหน้าอย่างมั่นคงและแข็งแรง
“ปัจจุบันผมกรรมการผู้จัดการ บริษัท พัชร์ ฟู้ด อินเทลลิเจ้นท์ จำกัด ผู้ผลิตนมข้นหวานและนมข้นจืด ตรากู๊ดวิล ครับ ซึ่งเราเห็นว่าคุณค่าของนมโคแท้ที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดความอร่อยในผลิตภัณฑ์ได้อีกมากมาย อีกทั้งเกษตรกรโคนมในปัจจุบันยังประสบปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาด จึงเป็นที่มาของการนำนมโคแท้ มาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก ในผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน “กู๊ดวิล” เพราะเราอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมเกษตรกรโคนมในประเทศ ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นครับ”
หลักการทำงาน
หลักในการทำงานของผม คือ ความซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อธุรกิจและผู้บริโภค ส่งมอบแต่สิ่งที่ดีมีคุณภาพให้กับลูกค้า ครอบครัวเราทำธุรกิจส่งวัตถุดิบให้กับผู้ประกอบการแปรรูปอาหาร ตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อยไปจนถึงรายใหญ่ ตั้งแต่สมัยคุณปู่ จากการซื้อมาขายไป นำเข้าสินค้า ไปจนถึงการตั้งโรงงานผลิตในรุ่นคุณพ่อ ด้วยหลักของการทำงานที่ว่า “ เราจะช่วยลดเวลาและต้นทุนให้กับลูกค้า เพื่อให้มีเวลาในการพัฒนาทำธุรกิจเพิ่มขึ้น และสามารถเป็นฮีโร่ในธุรกิจแบบฉบับของตัวเองได้ โดยผ่านการใช้สินค้าและบริการของเรา” ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รสชาติได้มาตรฐาน การจัดส่งรวดเร็ว ตอบสนองทันต่อความต้องการของผู้บริโภค คำนึงถึงผลประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับเป็นหลัก เมื่อเราสามารถซัพพอร์ตความต้องการของลูกค้าได้ถูกจุด พวกเขามียอดขายและรายได้ที่ดีเพิ่มขึ้น กิจการของเราก็ดีขึ้นไปโดยปริยาย หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นการเติบโตไปพร้อมๆกัน
เป้าหมายในการทำงาน
ผมให้ความสำคัญกับทีมงานเป็นอย่างมาก ผมเชื่อว่าในโลกแห่งความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน เราไม่สามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมเพียงคนเดียวได้ เราเน้นให้ทีมงานทำงานเต็มศักยภาพ เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง ภายใต้การสร้างวัฒนธรรมที่ดีขององค์กร อีกหนึ่งเรื่องที่ผมให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือความโปร่งใสและตรวจสอบได้ หากเราสร้างความชัดเจนตั้งแต่จุดเริ่มต้น ปัญหาด้านความรู้สึกต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะความชัดเจนและมีเหตุผลในตัวเอง สามารถอธิบายได้ดีที่สุดผ่านการประเมินผลงาน การพิจารณาสวัสดิการและผลตอบแทนทีมงานจะเข้าใจถึงความเป็นธรรมปราศจากความลำเอียงมาตรฐานกฎ กติกาต่างๆ จะถูกกำหนดขึ้นมาอย่างชัดเจนและมีหลักการเพื่อให้ทีมงานพัฒนา องค์กรเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
การแบ่งเวลาทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว
ในมุมมองของผมนักบริหารที่ดีจะต้องสามารถปรับชีวิตให้เกิดความสมดุลได้ ผมใช้หลักของการ Work-Life Balance เนื่องจากช่วงนี้เพิ่งเริ่มธุรกิจ ก็จะให้เวลาในช่วงเริ่มต้นมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ละเลยเรื่องสุขภาพการดูแลตัวเอง ผมจะออกกำลังกายในทุกๆเช้า และถึงแม้จะโฟกัสทำงานตลอดทั้งวัน แต่ช่วงค่ำก็จะให้เวลากับคนที่เรารัก รับประทานอาหารร่วมกันกับครอบครัวและส่งลูกๆเข้านอน
ผมให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นอย่างมาก เมื่อมีเวลาเราก็มักจะหากิจกรรมอะไรทำร่วมกันในครอบครัว และด้วยที่ลูกคนโตกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น เวลาว่างส่วนใหญ่ก็จะทำกิจกรรมร่วมกัน โดยแบ่งเป็นความชอบของคนโต กับ คนเล็ก เพื่อที่จะให้ทั้งคู่ได้รับประสบการณ์ที่เหมาะกับวัยของเค้าเอง ไม่ว่าจะเป็น กีฬา การเข้าค่าย และ เดินทางท่องเที่ยว
ในช่วงปิดเทอม ไม่มีเรียนออนไลน์ ผมมักจะพาครอบครัวไปตระเวนแถบภาคอีสานกลาง จากมหาสารคามไปถึงมุกดาหาร มีโอกาสได้ไปเยี่ยมลูกค้าสลับกับพาครอบครัวเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ระหว่างทางได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เราเองก็สนุกไปด้วย ได้ชิมอาหารท้องถิ่น พักแบบง่ายๆ ผมว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับพวกเค้า ซึ่งตอนนี้เด็กๆยังมีเวลาอยู่กับเรา การได้ใกล้ชิดเค้า ไม่เพียงเป็นประโยชน์กับเค้าเอง เราในฐานะพ่อแม่ก็มีความสุขที่ได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว
Passion ในการบริหารงาน
ผมเรียนจบกลับมาในปี 2541 ช่วงต้มยำกุ้งพอดี กลับมาก็เข้ามาช่วยธุรกิจครอบครัว ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ดำเนินธุรกิจมา 25 ปี ก่อนหน้านี้ เราเน้นการจำหน่ายลูกค้าผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหารแต่ดั้งเดิม ทั้งนำเข้า แบ่งบรรจุ และผลิตเอง คุณพ่อเป็นคนขยัน ชอบเดินทางหาสินค้าใหม่ๆมาเสมอ ตอนนั้นก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็น Passion รึเปล่านะครับ แต่ก็กลับมาช่วยเพราะคุณพ่อท่านก็อายุมากแล้ว จึงได้ใช้ความรู้ที่เรียนมา ช่วยปรับปรุงด้วยวิธีการต่างๆให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถส่งมอบสินค้าและบริการให้ลูกค้านำไปต่อยอดสร้างคุณค่าในแบบของเขาเอง
ผมจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในความเข้มแข็ง เพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้คนรอบข้าง ดังคำธุรกิจที่กล่าวไว้ว่า เราโดดเด่นในห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ของเรา เมื่อมีกำลังมากขึ้น ห่วงโซ่นี้ก็จะยาวขึ้นเรื่อย ๆ ครอบครัว ทีมงาน คู่ค้า และสังคมก็จะดีขึ้น ในโลกปัจจุบัน ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราต้องอยู่กันเป็นสังคมที่แข็งแรง ช่วยเหลือจุนเจือกัน เพื่อคนรุ่นใหม่ในวันข้างหน้าจะได้มีกำลัง และ ความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนา ประเทศชาติต่อไป
ความปรารถนาในการทำธุรกิจทุกวันนี้
ผมเชื่อว่าด้วยประสบการณ์ที่ผมมี จะมีส่วนช่วยสร้างประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ไม่มากก็น้อย ต้องการที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารให้ก้าวหน้า และสร้างคุณค่าให้กับวัตถุดิบในประเทศ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของเกษตรกร และสังคมไทย ดังเช่น การเห็นคุณค่าของน้ำนมโคแท้ที่มีคุณภาพ จึงนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักพัฒนาตลาดนมข้นหวานในประเทศไทยทุกวันนี้