‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช
แนะวิธีเพิ่มสุขภาวะทางอารมณ์ด้วยกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ
การมีสุขภาพที่ดีไม่เพียงแค่สภาพร่างกายภายนอก แต่นับรวมถึงสุขภาพด้านจิตด้วยเช่นกัน หากเรามีสุขภาพจิตที่ดีแล้ว ย่อมส่งผลต่อภาวะอารมณ์ในการจัดการกับชีวิตประจำวันของเราได้อย่างดี ถึงแม้ว่าร่างกายของเราจะแข็งแรงสมบูรณ์อย่างไร แต่หากมีเรื่องที่ทำให้รู้สึกเครียด หรือวิตกกังวล ก็ย่อมส่งผลให้สุขภาพร่างกายของเราไม่ดีได้ด้วยเช่นกัน ‘ธัญ’ (THANN) แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิว เส้นผม และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องหอม (Aromatherapy) ร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช พญ.ดุจฤดี อภิวงศ์ แนะนำ “วิธีเพิ่มสุขภาวะทางอารมณ์ด้วยกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ” กับผลิตภัณฑ์ ‘น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ’ (Essential oil), ‘โซลิด เพอร์ฟูม’ (Solid Perfume) และ ‘ไทม์ ทู รีเฟรช’ (Time to Refresh) โดยมีเหล่าเซเลบริตี้สาวสวยมาร่วมเผยวิธีเลือกใช้กลิ่นหอมให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน อาทิ สิริน ศรีอรทัยกุล, เอมษิกา โชติวิจิตร และ วิชาดา พูลผล
พญ.ดุจฤดี อภิวงศ์ แนะวิธีเพิ่มสุขภาวะทางอารมณ์ด้วยกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติว่า “จากบทความก่อนหน้าที่ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติกับความทรงจำ โดยกลิ่นจะไปกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนความทรงจำ หรือฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) และสมองส่วนควบคุมอารมณ์และความรู้สึก (Limbic system) ทำให้เกิดการจดจำสิ่งที่เห็นกับกลิ่นที่ได้สัมผัส เมื่อเราได้กลิ่นนั้นอีกครั้ง ก็จะทำให้เราย้อนคิดถึงความทรงจำเก่าๆ ประกอบด้วยภาพ ความรู้สึกและเสียง หากรวมกับสภาพแวดล้อมที่ทำให้เราเกิดความผ่อนคลายก็จะเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนรู้และจัดการกับอารมณ์ของตนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งกระบวนการนี้ส่งผลต่อการเกิดสุขภาวะทางอารมณ์ หรือ Emotional wellness
สุขภาวะทางอารมณ์ (Emotional wellness) นับเป็นหนึ่งในแปดมิติที่นำไปสู่การมีสุขภาพดีแบบองค์รวม โดยครอบคลุมความรู้และทักษะในการระบุความรู้สึกส่วนตัว รวมถึงความสามารถในการจัดการกับอารมณ์ ความเครียด และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ทำให้สามารถลดอัตราการเจ็บป่วย รวมถึงเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ (อ้างอิงงานวิจัยของ Jennifer N. Morey ในหัวข้อ Current directions in stress and human immune function)
นอกจากนี้สุขภาวะทางอารมณ์ยังส่งผลต่อกระบวนการเรียนรู้และความจำ โดยจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่มีประโยชน์ อาทิ อะดรีนาลีน เซโรโทนินและโดพามีน ทำให้เราอยู่ในสถาวะที่พร้อมและเอื้อต่อการพัฒนาทักษะทางจิตวิทยา เช่น ความสนใจในการเรียนรู้ การเข้าใจและรับมือกับอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งต่อตนเองและผู้อื่น การตระหนักและควบคุมกระบวนการทางความคิดและการแก้ไขปัญหา ดังนั้นการมีสุขภาวะทางอารมณ์ที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญในการเกิดสุขภาวะทางปัญญา(Intellectual wellness) ที่ดีด้วย
ปัจจุบันมีการใช้ประโยชน์จากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติในการปรับสมดุลอารมณ์และความรู้สึกอย่างแพร่หลาย รวมถึงมีหลากหลายงานวิจัยที่ผ่านมาเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติชนิดต่างๆ ที่ส่งผลต่อจิตใจ อาทิ สร้างความสงบ ผ่อนคลาย ลดความรู้สึกเจ็บปวดทางใจ คลายความเครียดและวิตกกังวล กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงระดับของคลื่นสมอง (Brain Wave) ได้เช่นกัน อาทิ
- กลิ่นลาเวนเดอร์ (Lavender) และกลิ่นไม้จันทน์หอม (Sandalwood) ช่วยเพิ่มคลื่นอัลฟ่า (Alpha waves) ทำให้เกิดความสงบและผ่อนคลาย ส่งผลให้สมองมีความสามารถในการรับรู้ข้อมูลและจดจำได้ดี
- กลิ่นมะลิ (Jasmine) กลิ่นโรสแมรี (Rosemary) จะเพิ่มระดับคลื่นเบต้า (Beta waves) ช่วยกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัว การเรียนรู้และจดจำ รวมถึงการใช้ความคิดที่มีความซับซ้อน
- กลิ่นดอกส้ม (Orange blossom) หรือเนโรลี (Neroli), กลิ่นกุหลาบ (Rose) เพิ่มระดับคลื่นเดลต้า (Delta waves) ช่วยให้นอนหลับลึก หลับสนิท เมื่อร่างกายหลับสนิทก็ส่งผลให้ระบบความจำดีขึ้นตามไปด้วย
การใช้ประโยชน์จากกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติจึงถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตและสามารถสร้างสุขภาวะทางอารมณ์ได้ โดยจะให้ผลแตกต่างกันไปตามชนิดของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติที่ใช้ ปัจจุบันน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติก็มีหลายหลายรูปแบบให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม ทำให้เราสามารถพกพาความหอมไปได้ทุกที่ เพื่อประโยชน์การเสริมสร้างสุขภาวะทางอารมณ์ที่ดีได้”
‘ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลกและเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา THANN มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ ผ่านการทดสอบจากสถาบันวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลอย่าง Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France), Skinnova Lab Co.,Ltd. และ Dermscan Asia อาทิ Dermatological test, Irritation test และ Efficacy test เพื่อยืนยันในคุณภาพและประสิทธิภาพเพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม โดยปัจจุบันมีกว่า 59 สาขา ใน 16 ประเทศ รวมถึงสปาอีก 95 แห่งใน 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย อเมริกา และยุโรป
การใช้ประโยชน์จากกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ (Essential Oil) เป็นศาสตร์แห่งการใช้กลิ่นหอมบำบัด (Aromatherapy) เพื่อสร้างความผ่อนคลาย ถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 6,000 ปี ตั้งแต่สมัยกรีก โรมัน และอียิปต์ มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหย นอกจากจะช่วยเรื่องการนอนหลับแล้ว ยังสามารถช่วยสร้างสมาธิในการทำงาน สร้างบรรยากาศผ่อนคลายโดยสามารถเลือกเปลี่ยนกลิ่นได้ตามอารมณ์ความต้องการ รวมถึงใช้มอบเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษได้อีกด้วย
เมื่อร่างกายได้รับกลิ่นหอมจากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ (Essential oil) กลิ่นจะถูกส่งผ่านประสาทรับกลิ่น (Olfactory Nerves) ซึ่งอยู่เหนือโพรงจมูกไปยังกระเปาะรับกลิ่น (Olfactory Bulbs) และส่งต่อไปยังสมองส่วนควบคุมอารมณ์ และความรู้สึก (Limbic System) อณูของน้ำมันหอมระเหยจะกระจายไปตามประสาทรับกลิ่นเข้าสู่สมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์และความรู้สึก (Emotion Center หรือ Limbic System) โดยไปกระตุ้นให้สมองสั่งการไปที่ระบบต่อมไร้ท่อ เพื่อหลั่งสารที่มีประโยชน์ และมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึก ได้แก่
- Dopamine (โดพามีน) สร้างความพึงพอใจ รักใคร่ และความยินดี
- Endorphin (เอ็นโดฟิน) คลายความเครียด และความวิตกกังวล
- Enkephalin (เอนเคฟาลีน) ลดความเจ็บปวด ส่งเสริมให้มีอารมณ์ดี
- Serotonin (เซโรโทนิน) ช่วยให้สงบ เยือกเย็น และผ่อนคลาย
นอกจากนี้กลิ่นยังส่งผลต่อสมองส่วนที่เรียกว่า “ไฮโปทาลามัส” (Hypothalamus) ควบคุมสารเคมีและฮอร์โมนเพศ สมองส่วน Frontal Lobe ควบคุมความตั้งใจ สมาธิและความจำ รวมทั้ง Reticular System ช่วยผสมผสานการทำงานของร่างกายและจิตใจ
กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติไม่เพียงสร้างความพึงพอใจเพียงอย่างเดียว แต่ยังแฝงคุณค่าในการฟื้นฟูสภาพจิตใจและอารมณ์ตามคุณสมบัติของน้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิด อ้างอิงตามหลักการของกลิ่นหอมบำบัด (Aromatherapy) การใช้น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งที่สามารถสร้างความผ่อนคลาย ปรับสมดุลอารมณ์และความรู้สึก อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างสุขภาวะทางอารมณ์ที่ดีได้ โดยสามารถใช้ผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ หลากหลายรูปแบบ อาทิ น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ (Pure essential oil) น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ 100% แต่งเติมความหอมหลากหลายรูปแบบสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องกระจายกลิ่นหอมเพื่อรังสรรค์บรรยากาศความสุขภายในบ้านได้อย่างมีรสนิยม มีให้เลือก 2 ขนาด ขนาด 10 มล. ราคา 990 บาท และ ขนาด 50 มล. ราคา 2,050 บาท และมีให้เลือก 6 กลิ่น ได้แก่ กลิ่นอะโรมาติก วูด ( Aromatic wood), กลิ่นโอเรียนทอล เอสเซ้นซ์ (Oriental Essence), กลิ่นอีสเทิร์น ออร์ชาร์ด (Eastern Orchard), กลิ่นอีเดน บรีซ (Eden Breeze), กลิ่นเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น (Earl Gray Infusion) และกลิ่นดอกลาเวนเดอร์และโรสแมรี่ (Lavender & Rosemary)
‘โซลิด เพอร์ฟูม’ (Solid Perfume) ขนาด 15 กรัม ราคา 550 บาท อีกหนึ่งทางเลือกแห่งความหอมผ่อนคลาย พร้อมคุณค่าการบำรุงผิวจากพืชพรรณธรรมชาติจากส่วนผสมของเชียบัตเตอร์ (Shea Butter) และน้ำมันรำข้าว (Rice Bran Oil) อุดมด้วยวิตามินเอและอีตามธรรมชาติบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น และโจโจบาออยล์ออแกนิค (Organic Jojoba Oil) ฟื้นบำรุงและรักษาสมดุลความเนียนนุ่มชุ่มชื้นให้กับผิว สูตรปราศจากแอลกอฮอล์ มีให้เลือก 4 กลิ่น ได้แก่ มีให้เลือก 4 กลิ่น ได้แก่
- ‘ซิกเนเจอร์ โซลิด เพอร์ฟูม’ (Signature Solid Perfume) เติมสีสันความสนุกสนานให้กับชีวิตประจำวัน ดั่งสายลมแรกแห่งฤดูใบไม้ผลิ ด้วยกลิ่นหอมเบาสบายจากส้ม (Orange) พร้อมกระตุ้นความมีชีวิตชีวาด้วยสเปียร์มิ้นท์ (Spearmint)
- ‘แพชชั่น โซลิด เพอร์ฟูม’ (Passion Solid Perfume) กลิ่นหอมฟรุตตี้ที่ผสมผสานกับกลิ่นดอกไม้ที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหล น่าค้นหา เติมความสดใสร่าเริงระหว่างวัน เสมือนอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ที่ได้จากส่วนผสมของ เบอร์กามอต (Bergamot) และดอกมะลิ (Jasmine) แฝงความอบอุ่นอ่อนหวานด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนของไวท์มัสค์ (White Musk)
- ‘ไวลด์ ฟลอรัล โซลิด เพอร์ฟูม’ (Wild Floral Solid Perfume) เติมความเบิกบานสดใสด้วยกลิ่นหอมจากดอกไม้นานาพันธุ์แฝงความสดชื่นของน้ำมันสกัดจากผิวส้ม (Orange peel oil) และมะนาว (Lemon peel oil)
- ‘อีเดน บรีซ โซลิด เพอร์ฟูม’ (Eden Breeze Solid Perfume) กลิ่นหอมแนวสวีต ฟลอรัล (Sweet Floral) จากส่วนผสมของดอกมะลิ (Jasmine) และดอกกุหลาบ (Rose) มอบความสงบ สมดุลทางอารมณ์และจิตใจ
‘ไทม์ ทู รีเฟรช’ (Time to Refresh) ขนาด 15 มล. ราคา 500 บาท เติมความสดชื่นระหว่างวัน ด้วยส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย 8 ชนิด ได้แก่ เมนทอล, ยูคาลิปตัส, เปปเปอร์มินต์, เลมอน, โรสแมรี, กานพลู, พริกไทยดำ และจันเทศ เนื้อเจลบางเบา สูตรเย็น มอบคุณค่าการบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นด้วย ออแกนิค เชียร์บัตเตอร์ (Organic shea butter), ออแกนิค โกโก้บัตเตอร์ ( Organic cocoa butter ), น้ำมันออแกนิค โจโจ้บา ( Organic jojoba oil ) และน้ำมันออแกนิค อาร์แกน (Organic argan oil)
ด้านเซเลบริตี้ต่างร่วมทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ พร้อมเผยเผยวิธีเลือกใช้กลิ่นหอมให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เริ่มที่นักธุรกิจสาว สิริน ศรีอรทัยกุล เผยว่า “ไลฟ์สไตล์ของเรานอกจากจะทำงานเป็นประจำทุกวันแล้ว ก็มักจะปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนๆ และครอบครัวอยู่เสมอ ทั้งงานวันเกิด งานคริสต์มาส งานเลี้ยงในโอกาสพิเศษ ทุกครั้งที่เราจัดงานก็ต้องการให้เป็นโมเมนต์ที่น่าประทับใจสำหรับทุกคน โดยจะเลือกสร้างบรรยากาศภายในงานด้วยการใช้กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ ซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ของผู้ร่วมงานและสามารถทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างมีความสุข หลักในการเลือกใช้กลิ่นหอม เราจะเลือกกลิ่นที่เข้ากับคอนเซ็ปต์ของงาน หรือบรรยากาศของงานที่ต้องการสื่อออกไป หากต้องการให้งานมีบรรยายากาศสนุกสนานเป็นกันเองก็จะเลือกกลิ่น อะโรมาติก วูด หรือหากเป็นงานดินเนอร์ที่เป็นงานหรูหราทางการหน่อยก็จะเลือกกลิ่น อีเดน บรีซ เพราะจะทำให้บรรยากาศในงานชวนให้หลงใหล น่าค้นหา ส่งผลให้ผู้ร่วมงานเกิดความประทับใจและความทรงจำที่ดี หากเป็นช่วงเวลาทำงานในระหว่างวัน เราก็จะหาเวลาพักเบรก 10 – 15 นาที เพื่อยืดเส้นยืดสาย และใช้ไทม์ ทู รีเฟรช ในการสร้างความผ่อนคลายและเติมความสดชื่นระหว่างวัน”
ถัดมาที่สาวสังคม เอมษิกา โชติวิจิตร กล่าวว่า “ส่วนตัวเรามองว่ากลิ่นหอมมีประโยชน์อย่างมากในการผ่อนคลายจิตใจ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้เป็นอย่างดี เราใช้วิธีการสร้างบรรยากาศความผ่อนคลายด้วยการใช้กลิ่นหอมเป็นประจำ ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน ระหว่างการเดินทาง หรือไปตามสถานที่ต่างๆ เพราะอารมณ์ส่งผลโดยตรงกับการทำงาน อย่างวันไหนที่อารมณ์ไม่ดี ผลงานที่ออกมาก็จะไม่ดี หากวันไหนที่อารมณ์ดีก็จะทำให้มีแรงบัลดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานให้ออกมาดีด้วย ปกติแล้วเรามักจะพกน้ำหอม หรือเครื่องหอมติดกระเป๋าเป็นประจำ เพราะง่ายและสะดวกในการหยิบใช้งาน อย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประจำจะเป็น ไวลด์ ฟลอรัล โซลิด เพอร์ฟูม สำหรับแต่งเติมความหอมระหว่างวัน โดยจะทาบริเวณข้อพับ ข้อมือ แต่หากรู้สึกเครียด หรืออยากได้ความสดชื่นผ่อนคลายก็จะหยิบ ไทม์ ทู รีเฟรช ขึ้นมาใช้ควบคู่กับการนวดขมับเบาๆ ส่วนที่บ้านก็จะวางพวกเทียนหอมและเครื่องกระจายกลิ่นหอมไว้ตามจุดต่างๆ ภายในบ้าน อย่างในห้องน้ำจะเลือกใช้กลิ่น เอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น ส่วนห้องนั่งเล่นก็จะเลือกกลิ่นแนวสดชื่นมีชีวิตชีวาอย่างกลิ่น อะโรมาติก วูด ห้องนอนก็จะใช้กลิ่นดอกลาเวนเดอร์และโรสแมรี่ ช่วยให้นอนหลับสบาย หากเราอยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายก็สามารถทำให้เราพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ สุขภาพจิตเราก็จะดี สุขภาพกายเราก็จะดีด้วย”
ปิดท้ายที่สาวยิ้มสวย วิชาดา พูลผล เล่าว่า “กลิ่นหอมสำหรับเราถือเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ เพราะกลิ่นหอมสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราได้ดี อย่างเวลาที่ต้องออกไปพบปะผู้คน ไปงานอีเว้นท์ต่างๆ กลิ่นหอมจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวเอง ทำให้เรามีความรู้สึกมั่นใจมากขึ้น หลักการในการเลือกใช้กลิ่นหอมของเราจะเน้นกลิ่นที่เข้ากับการแต่งกายและประเภทของงานที่จะไป อย่างกลิ่นที่ชอบและใช้ประจำก็จะเป็น อีเดน บรีซ โซลิด เพอร์ฟูม และกลิ่น ซิกเนเจอร์ โซลิด เพอร์ฟูม โดยเราจะพกติดกระเป๋าไว้เพื่อเติมกลิ่นหอมในระหว่างวันบริเวณข้อมือ ต้นคอ และบริเวณหลังหู ส่วนในรถยนต์ก็จะมี ไทม์ ทู รีเฟรช ติดรถไว้สำหรับรับมือกับช่วงเวลาที่รถติด กลิ่นหอมๆ จะช่วยให้อารมณ์ดีและใจเย็นลงได้ ส่วนไอเดียการใช้กลิ่นหอมสำหรับโอกาสพิเศษต่างๆ เราจะพิจารณาว่าคอนเซ็ปต์ของงานเป็นแบบไหน อยากให้บรรยากาศของงานออกมาเป็นแบบใด หากเป็นงานที่เน้นความสนุกสนานกับเพื่อนๆ ส่วนมากเราจะเลือกกลิ่นอะโรมาติก วูด หรือ อีสเทิร์น ออร์ชาร์ด แต่หากเป็นงานสำหรับครอบครัวก็จะเลือกกลิ่นเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น หรือ อีเดน บรีซ เพื่อสื่อถึงบรรยากาศความอบอุ่นได้ดี”
เพิ่มพูนสุขภาวะทางอารมณ์ด้วยกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติกับผลิตภัณฑ์ ‘น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ’ (Essential oil), ‘โซลิด เพอร์ฟูม’ (Solid Perfume) และ ‘ไทม์ ทู รีเฟรช’ (Time to Refresh) ได้แล้ววันนี้ที่ ออนไลน์สโตร์ www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 12 สาขาทั่วประเทศ อาทิ ทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 5 (Tower 2) โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น G และ 2 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, สาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, ชั้น G (The Jungle Zone และ The Botanica zone) ศูนย์การค้าจังซีลอน จังหวัดภูเก็ต และ ธัญ เวลเนส เดสทิเนชั่น จังหวัดพระนครศรีอยุธยา